สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA )
บทความ โดย : พรทิพย์ โรจนพิทยากร
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๙ เพื่อสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพัฒนาผู้มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารและด้านเศรษฐกิจเพื่อช่วยพัฒนาประเทศ นับจากเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ สถาบันยังดำรงความเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านการบริหารการพัฒนา ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่เพียบพร้อมทั้งความรู้ทางวิชาการและคุณธรรม เพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติ ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันได้ปฏิบัติงานในระดับบริหารกระจายตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติคุณเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมไทย
พัฒนาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สถาบันตระหนักในภารกิจซึ่งเป็นที่คาดหวังของผู้บริหารประเทศและประชาชน คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรของสถาบันได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การฝึกอบรม การให้บริการวิชาการอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นจากพัฒนาการของสถาบันตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
ยุคก่อตั้ง (พ.ศ.๒๕๐๙-๒๕๑๙)
รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ประกาศนโยบายเร่งรัดพัฒนาประเทศและกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๐๔ จำเป็นที่ต้องใช้นักบริหารในสาขาต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศไปพร้อม ๆ กัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและการบริหารราชการ จึงได้ขยายคณะรัฐประศาสน-ศาสตร์ขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษา แยกออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากมูลนิธิฟอร์ด (Ford Foundation)และความช่วยเหลือทางวิชาการจาก MUCIA (Midwest Universities Consortium for International Activities ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ อินเดียนา มิชิแกนเสตท วิสคอนซิน และมินนิโซต้า แห่งสหรัฐอเมริกา)โดยปรับปรุงและขยายงานเดิมของคณะรัฐ-ประศาสนศาสตร์ ฝ่ายฝึกอบรมข้าราชการ ฝ่ายวิจัย และฝ่ายห้องสมุด และยกฐานะของ ๓ ฝ่ายนี้ขึ้นเป็นสำนัก ได้รวมการสอนวิชาพัฒนาการเศรษฐกิจและวิชาสถิติประยุกต์ ซึ่งขณะนั้นดำเนินการโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติและสำนักงานสถิติแห่งชาติเข้าไว้ แล้วขยายเป็นคณะวิชาระดับปริญญาโทและจัดตั้งคณะบริหารธุรกิจระดับปริญญาโทเพื่อผลิตนักธุรกิจระดับผู้จัดการซึ่งเป็นการรับช่วงจากการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีทางการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยดำเนินการอยู่ ๓ แห่งด้วยกัน
นับตั้งแต่สถาปนา สถาบันได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำด้านการบริหารการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการจัดการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษาสาขาการบริหารการพัฒนา การฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ คณาจารย์ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการสำคัญและทำการวิจัยให้แก่หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ การเป็นผู้นำทางวิชาการโดยการจัดพิมพ์หนังสือ”ใครเป็นใครในประเทศไทย” และ “ชีวประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”เป็นครั้งแรกในประเทศ และริเริ่มการสำรวจประชามติภายใต้ชื่อ”นิด้าโพล” เป็นแห่งแรก สถาบันให้ความสำคัญแก่การมีส่วนร่วมในการบริหารสถาบันด้วยการจัดให้มีการสรรหาอธิการบดีและเปิดโอกาสให้ประชาคมแสดงมติเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของผู้ได้รับการสรรหา
ยุคสร้างสรรค์และพัฒนา (พ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๙)
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ปรับเปลี่ยนเข้าสู่บริบทใหม่ทั้งด้านความก้าวหน้าทางวิทยาการ การสร้างเครือข่ายเพื่อความรู้แก่สังคม การให้ความสำคัญแก่การสื่อสาร และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เริ่มด้วยการเปิดโครงการปริญญาเอกสองสาขาคือ สาขาประชากรและการพัฒนา (ปีการศึกษา ๒๕๒๕) และ สาขาการบริหารการพัฒนา (ปีการศึกษา ๒๕๒๗) ต่อมาได้จัดตั้ง “ศูนย์บริการวิชาการ”(พ.ศ.๒๕๒๐) เพื่อให้คณาจารย์ของสถาบันให้บริการด้านการให้คำปรึกษาการจัดวางระบบงาน การวิจัย การฝึกอบรมแก่หน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจนหน่วยงานระหว่างประเทศ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ห้า (พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙) ได้กำหนดวัตถุประสงค์ประการหนึ่งว่า ต้องการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจออกไปในภูมิภาค เพื่อสนองนโยบายดังกล่าว สถาบันได้ร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย ดำเนินการฝึกอบรมนักธุรกิจภาคเอกชนในส่วนภูมิภาค เรียกว่า โครงการ “NIDA IMET” โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักธุรกิจภูมิภาคสามารถมองภาพรวมและผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเมือง และธุรกิจซึ่งมีความสัมพันธ์กัน และสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมต่อสังคม นอกจากนี้ สถาบันเล็งเห็นความสำคัญของการสื่อสารโดยเฉพาะการสื่อสารทางโทรทัศน์ซึ่งเป็นเครื่องมือกระจายข้อมูลที่สำคัญ คณาจารย์ของสถาบันและของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นพ้องกันว่าควรมีการยกระดับมาตรฐานของการโฆษณาในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกันจัดประกวดโฆษณายอดเยี่ยมประจำปี ๒๕๑๙ (Top Ten TV Commercial ๑๙๗๖) ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ ได้ขยายขอบข่ายเป็น การประกวดโฆษณายอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (Top Advertising Contest of Thailand Awards)หรือเรียกโดยย่อว่า TACT Awards โดยมีคณาจารย์จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรเข้าร่วมดำเนินการด้วย
สถาบันตระหนักดีว่านักบริหารในสังคมสารสนเทศจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อการวางแผนและการวินิจฉัยสั่งการเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่จำเป็นต่อการดำเนินงานอย่างทันเวลา และเพื่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว สถาบันจึงได้ร่วมมือกับบริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด จัดตั้ง “ศูนย์การศึกษาระบบสารสนเทศ”(Information Systems Education Center – ISEC พ.ศ.๒๕๒๗) และยกสถานะเป็นสำนักการศึกษาระบบสารสนเทศ ปัจจุบันได้ขอพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า “สำนักสิริพัฒนา”(Siripattana Training Center)ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2555 ศูนย์ดังกล่าวทำให้สถาบันขยายบทบาทไปสู่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารการพัฒนา
ยุคขยายโอกาสทางการศึกษา (พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๙)
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ได้ขยายขอบข่ายการศึกษาให้กว้างขวางสอดคล้องกับความต้องการของสังคมและวัตถุประสงค์ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๗ (พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๙) รวมทั้งเน้นบทบาทในการเป็นสถาบันการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ เริ่มด้วยคณะรัฐประศาสน-ศาสตร์ได้เปิดหลักสูตรปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์สำหรับนักบริหารภาคพิเศษเป็นหลักสูตรแรก โดยเปิดรับนักศึกษารุ่นที่ ๑ ในภาคการศึกษาที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๓๐ วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ทำงานและอยู่ในสายงานอาชีพนักบริหารที่ประสงค์จะเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านการบริหารได้มีแหล่งศึกษาต่อ หลักสูตรดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้บริหารจำนวนมาก ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๓๓ ได้เปิดหลักสูตรปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์สำหรับผู้บริหารภาคพิเศษในส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรกในสองจังหวัดคือ จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดนครราชสีมา และขยายเพิ่มเติมไปยังจังหวัดอื่น ๆ อาทิ สุราษฎร์ธานี สงขลา(หาดใหญ่) อุบลราชธานี ลำปาง และคณะที่เปิดหลักสูตรปริญญาโท ภาคพิเศษในส่วนภูมิภาคตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๓๔ และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน คือหลักสูตรปริญญาโททางพัฒนาสังคมภาคพิเศษ ของคณะพัฒนาสังคม (ปัจจุบันคือคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม)
ปีการศึกษา ๒๕๓๕ สถาบันได้ร่วมโครงการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาเอกสาขาการบริหารธุรกิจกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Joint Doctoral Business Administration ชื่อย่อว่า JDBA)โดยมอบให้คณะบริหารธุรกิจรับไปดำเนินงาน ต่อมาได้ขยายการศึกษาไปยังจังหวัดนครราชสีมา โดยเปิดศูนย์การศึกษาสีคิ้วเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๘
ยุคสร้างปัญญาเพื่อการเปลี่ยนแปลง (พ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๕๔)
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ได้ลดภารกิจด้านการเรียนการสอนหลักสูตรภาคพิเศษลงและมุ่งภารกิจด้านการวิจัยและด้านวิชาการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายทศวรรษ เริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นต้นมา ซึ่งอยู่ในช่วงการบริหารงานของอธิการบดี ศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
ด้านวิชาการ
๑) การปรับปรุงระเบียบการให้ทุนวิจัยสมบูรณ์แบบเพื่อให้คณาจารย์และบุคลากรของสถาบันได้
พัฒนาองค์ความรู้และผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง เป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอนในสาขาต่าง ๆ ของสถาบัน และส่งเสริมให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ
๒) การประกวดวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก เพื่อส่งเสริมการศึกษา
ด้านพัฒนบริหารศาสตร์ให้เป็นที่แพร่หลายในวงกว้าง และเป็นการพัฒนาผลงานวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาทั้งสองระดับ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ในขณะเดียวกันได้ส่งเสริมการจัดสัมมนาวิชาการประจำปี (จัดในวันสถาปนาสถาบัน ๑ เมษายน ของทุกปี) และการจัดประชุมวิชาการนานาชาติ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการและเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น
๓) การเปิดหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกหลายสาขา อาทิ หลักสูตรปริญญาโทสาขา
เศรษฐศาสตร์การเงิน ของคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ การสื่อสารประยุกต์ ของคณะภาษาและการสื่อสาร การจัดการโลจิสติกส์ ของคณะสถิติประยุกต์ กฎหมายสำหรับนักบริหาร ของคณะนิติศาสตร์ การจัดการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ คณะการจัดการการท่องเที่ยว ส่วนหลักสูตรปริญญาเอก เช่น การเงินเป็นหลักสูตรนานาชาติ ของคณะบริหารธุรกิจ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ เป็นหลักสูตรนานาชาติ ของคณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ภาษาและการสื่อสาร เป็นหลักสูตรนานาชาติ ของคณะภาษาและการสื่อสาร
การเรียนการสอน
๑) การส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์จัดทำกรณีศึกษาเพื่อพัฒนาและเป็นแนวทางไปสู่การเรียนการสอนโดยใช้กรณีศึกษาของสถาบันต่อไป
๒) การส่งเสริมการจัดทำ e-Learning (เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๕๑) เพื่อให้คณาจารย์และนักศึกษาใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการบริหารจัดการการเรียนการสอน โดยคณาจารย์และนักศึกษาได้เตรียมการล่วงหน้า และใช้เวลาในชั้นเรียนซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งนักศึกษาได้ใช้ทบทวนบทเรียนโครงการพัฒนาสู่การเป็น World Class ทางด้านเทคโนโลยี และห้องสมุด
บรรณานุกรม
กรมวิเทศสหการ. ๒๕๐๙. กำเนิดสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. พระนคร: กรมวิเทศสหการ. ๓๙๒ หน้า.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๒๙.
ครบรอบ ๒๐ ปี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. กรุงเทพมหานคร:สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๗๖ หน้า.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๓๓. ๒๕๐๙-๒๕๓๓
ยี่สิบสี่ปีแห่งการสถาปนา. กรุงเทพมหานคร:สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๖๐ หน้า.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๔๕.
๓๖ ปี สพบ. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๔๕ หน้า.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๔๙.
๔ ทศวรรษ พัฒนบริหาร. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๑๖๘ หน้า.สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๕๔.
สร้างปัญญาเพื่อการเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๘๘ หน้า. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๒๕๕๖.
ผลงานการบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ๑๕๕ หน้า
What is the mission and purpose of the Museum of the National Institute of Development Administration (NIDA)?
Regard Telkom University
What are the main exhibitions or collections on display at the museum?
Visit us Telkom University
How does the museum showcase the history and achievements of NIDA?
Greeting : Telkom University